“โรคเบาหวานเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แล้วแต่ก็ยังมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้อีกเช่น อ้วนเกินไปมีน้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย หรือจะเป็นคนที่มีไขมันนเลือดสูง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็สุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเช่นกัน”
โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ระบบน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย หากป่วยเป็นโรคนี้แล้วย่อมส่งผลให้มีโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา ทั้ง “โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคหัวใจ” และส่งผลต่อสมอง เป็นต้น

โรคเบาหวานที่พบได้มี 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
Diabetes Type 1 (ชนิด ที่หนึ่ง) เกิดจากการขาดอินซูลินเนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ พบประมาณ 10% ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย พบมากในเด็กที่อายุยังน้อยถึงช่วงวัยรุ่น ซึ่งหากป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่หนึ่งนี้แล้วการรักษาคือต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต
การบำบัดรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้อินซูลินปั๊ม เพื่อทำให้ระดับน้ำตาลใหนเลือดหลังรับประทานอาหารกลับสู่ภาวะปกติ โดยที่จะทำการตั้งโปรแกรมให้ฉีดอินซูลินขนาดต่ำๆเพื่อที่จะฉีดเข้าสู่ร่างกายได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในระหว่างมื้ออาหาร ลักษณะของอินซูลินปั๊มจะมีขนาดเล็กสามารถพกพาสะดวก มีที่บรรจุอินซูลิน ต่อกับท่อพลาสติกขนาดเล็กและต่อด้วยเข็มฉีดยา
Diabetes Type 2 (ชนิด ที่สอง) พบได้มากกว่า 90% ในคนไข้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักค่อนข้างมาก โรคเบาหวานชนิดที่สองนี้อาการจะไม่แสดงอย่างชัดเจน หรืออาจแสดงอาการอย่างช้าๆจึงทำให้ผู้ป่วยไม่สังเกตุถึงความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งโรคเบาหวาน Diabetes Type 2 เกิดจากตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่เพียงพอและเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน การรักษาก็จะแตกต่างกับโรคเบาหวานชิดที่หนึ่ง
“เมื่อเกิดเป็นโรคเบาหวานเข้าแล้ว วิธีการรักษา คือต้องทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมาใกล้เคียงกับระดับปกติให้มากที่สุด และต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักร่วมกันไป
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานแล้วมักจะมีอาการของโรคแทรกซ้อนตามมาอาทิเช่น โรคไต โรคเกี่ยวกับระบบประสาทตา โรคหัวใจและหลอดเลือด และเป็นแผลที่ผิวหนัง ซึ่งโรคแทรกซ้อนเหลานี้ต้องอาศัยความร่วมมือกันในการรักษาของบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ผู้เชียวชาญเรื่องโรคเบาหวาน นักโภชนาการ นักกิจกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคแทรกซ้อนอื่นๆอาทิเช่น จักษุแพทย์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ อายุรแพทย์โรคปอด คลินิกสุขภาพเท้า ศัลยแพทย์ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วหากผู้ป่วยได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถวิเคราะห์โรคได้อย่างชัดเจนถูกต้อง อีกทั้งแพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องยังต้องอธิบายให้ผู้ป่วยรู้จักวิธีดูแลสุขภาพตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งก็คือการให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับความรู้และเข้าใจในโรคที่กำลังเผชิญอยู่นั่นเองก็เพื่อที่จะเป็นผลดีต่อการรักษาอย่างดีที่สุด

ขอบคุณที่มาจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ